ไอคอนเว็บ ไอคอนเว็บ สมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ในพระบรมราชูปถัมภ์

ข้อบังคับ(เก่า)

หมวดที่ ๑ ความทั่วไป

ข้อ ๑  สมาคมนี้มีชื่อ“สมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ในพระบรมราชูปถัมภ์” 
ใช้อักษรย่อว่า สศ.มจพ. ใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า

          “King Mongkut’s University of Technology North Bangkok Alumni Association under The Royal Patronage of His Majesty The King” ใช้อักษรย่อ ว่า  KMUTNBA

ข้อ ๒ เครื่องหมายและคำนิยาม

๒.๑ เครื่องหมายสมาคมมีลักษณะเป็น ตราสัญลักษณ์สมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า พระนครเหนือ “ในพระบรมราชูปถัมภ์” ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้พระราชทานพระราชานุญาตให้อัญเชิญ “พระมหามงกุฏ” ซึ่งเป็นพระบรมราชลัญจกรประจำพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ให้เป็นตราประจำมหาวิทยาลัย และเมื่อวันที่ ๑๗ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๘ พระบาทสมเด็จ
พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุยเดช ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ สมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ อยู่ “ในพระบรมราชูปถัมภ์” และต่อมา ในวันที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ คณะกรรมการนโยบายและแผนมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ได้มีมติอนุญาตให้สมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ในพระบรมราชูปถัมภ์ อัญเชิญตราสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือมาประดิษฐานเหนือตัวอักษรชื่อ “สมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือในพระบรมราชูปถัมภ์” และอักษรภาษาอังกฤษ “King Mongkut’s University of Technology North Bangkok Alumni Association under The Royal Patronage of His Majesty The King” แทนตราสัญลักษณ์เดิมเพื่อให้ตราสัญลักษณ์มีรายละเอียดถูกต้องตามที่ราชการกำหนด และเป็นมหามงคลอันเป็นเกียรติยศและชื่อเสียงของสมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือในพระบรมราชูปถัมภ์ สืบต่อไป

 

๒.๒ คำนิยาม

                 มหาวิทยาลัย  หมายถึง  มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ หรือชื่อเดิมอื่นใด ที่เคยใช้เรียกสถาบันแห่งนี้มาก่อนการเปลี่ยนแปลงเป็นชื่อปัจจุบัน

                 มจพ.       หมายถึง  ชื่อย่อมหาวิทยาลัย

                 สมาคม     หมายถึง  สมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ในพระบรมราชูปถัมภ์

                 ศิษย์เก่า    หมายถึง บุคคลที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยและชำระเงินค่าลงทะเบียนเป็นนักศึกษาครบถ้วนตามระเบียบของมหาวิทยาลัยที่ไม่จำเป็นว่าจะสำเร็จการศึกษาจากหลักสูตรของมหาวิทยาลัยหรือไม่สำเร็จการศึกษาก็ตาม

                 คณะ        หมายถึง   หน่วยงานการศึกษาของมหาวิทยาลัยที่เปิดสอนภาควิชาต่างๆ ตามพระราชบัญญัติการก่อตั้งมหาวิทยาลัย

                 คณะกรรมการบริหารสมาคม  หมายถึง  สมาชิกศิษย์เก่าสามัญประเภท ก.ได้รับการคัดเลือกจากที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปีตามข้อบังคับที่ ๑๓ (๑) รวมถึงการแต่งตั้ง และคัดเลือกตามข้อบังคับที่ ๑๓ (๒) (๓) และ (๔)

                 สมาคม/ชมรมศิษย์เก่าระดับภูมิภาค หมายถึง สมาคมของศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยที่ได้จดทะเบียนเป็นสมาคม และ/หรือ ชมรมศิษย์เก่าที่ได้จดทะเบียนไว้หรือไม่ก็ตาม ตามเขตภูมิศาสตร์ของประเทศในระดับภูมิภาคแบ่งออกเป็น ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ และภาคตะวันออก เป็นต้น

                 สมาคมระดับคณะ หมายถึง สมาคมศิษย์เก่าที่ศิษย์เก่าในแต่ละคณะได้ไปจดทะเบียนเป็นสมาคมศิษย์เก่าไว้

                 คณาจารย์     หมายถึง  พนักงานมหาวิทยาลัยและข้าราชการพลเรือนในสถาบันซึ่งทำหน้าที่สอน วิจัย และให้บริการทางวิชาการ ซึ่งผ่านการทดลองปฎิบัติงานแล้ว

                 บุคลากร หมายถึง พนักงานมหาวิทยาลัย และข้าราชการพลเรือนในสถานบันอุดมศึกษาสังกัดมหาวิทยาลัยซึ่งไม่ได้เป็นคณาจารย์ และผ่านการทดลองปฎิบัติงานแล้ว

                 นายกสมาคม  หมายถึง  สมาชิกศิษย์เก่าสามัญประเภท ก. ที่ได้รับคัดเลือกจากที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปี และต้องไม่เป็นประธาน/ นายก/ กรรมการ ของสมาคม หรือชมรมใดๆ ในมหาวิทยาลัย และต้องไม่เคยดำรงตำแหน่งนายกสมาคมศิษย์เก่าฯ มาแล้วติดต่อกันครบ ๒ วาระ

 

ข้อ ๓ สำนักงานใหญ่ของสมาคมตั้งอยู่ ณ ๑๕๑๘ อาคารสำนักวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้น ๑๐ ถนนประชาราษฎร์ ๑ แขวงวงศ์สว่าง เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ ๑๐๘๐๐

 

ข้อ ๔ วัตถุประสงค์ของสมาคม

          ๔.๑ เพื่อสร้างความสามัคคี เกื้อกูลสนับสนุนในหมู่สมาชิก เกี่ยวกับการประกอบวิชาชีพที่สำเร็จการศึกษามา พึงปฏิบัติให้เป็นประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติโดยไม่ขัดต่อศีลธรรมอันดีงามและผิดกฎหมายของประเทศ

          ๔.๒ เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างศิษย์เก่า ศิษย์ปัจจุบัน และคณาจารย์ของมหาวิทยาลัยให้ดำเนินกิจกรรมอันเป็นประโยชน์ต่อสังคมประเทศชาติ

          ๔.๓ เพื่อเป็นศูนย์รวมการศึกษา ค้นคว้า และเป็นที่ปรึกษาทางวิชาการแก่สมาชิก บุคคล ผู้ประกอบการ และประชาชนทั่วไป

          ๔.๔ เพื่อสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ ด้านวิชาการและกิจกรรมในการเรียนการสอนของมหาวิทยาลัย

          ๔.๕ เพื่อประสานงานและสร้างความสัมพันธ์อันดีของมหาวิทยาลัยต่อบุคคลและหน่วยงานภายนอก โดยมิได้เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางการเมือง

หมวดที่ 2 สมาชิกและคุณสมบัติของสมาชิก

ข้อ 5 สมาชิกแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ

5.1 สมาชิกสามัญ

5.2 สมาชิกสมทบ

5.3 สมาชิกกิตติมศักดิ์

ข้อ 6 คุณสมบัติของสมาชิก

6.1 สมาชิกสามัญแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

6.1.1 สมาชิกสามัญประเภท ก. ได้แก่ สมาชิกสามัญตลอดชีพตามข้อบังคับเดิม และศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยที่สมัครเป็นสมาชิกโดยยื่นใบสมัครต่อสมาคมโดยตรง

6.1.2 สมาชิกสามัญประเภท ข. ได้แก่ นักศึกษาปัจจุบันที่กำลังศึกษาอยู่และยื่นใบสมัครสมาชิกต่อสมาคมศิษย์เก่า เมื่อจบการศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไปหรือหากจบไม่ถึงระดับปริญญาตรี เมื่ออายุเกิน 25 ปี ให้เลื่อนเป็นสมาชิกสามัญประเภท ก. โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมโดยปริยายและไม่ต้องยื่นใบสมัครอีก

6.2 สมาชิกสมทบ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

6.2.1 สมาชิกสมทบประเภท ก. ได้แก่ บรรดาศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยที่มีสิทธิเป็นสมาชิกของสมาคมศิษย์เก่าระดับภูมิภาค สมาคมศิษย์เก่าระดับคณะหรือเทียบเท่าคณะของมหาวิทยาลัย ซึ่งสมาคมศิษย์เก่านั้นๆ ได้แจ้งรายชื่อของสมาชิกและที่อยู่ต่อนายทะเบียนสมาคม การเป็นสมาชิกจะสมบูรณ์ต่อเมื่อคณะกรรมการสมาคมได้รับทราบเป็นลายลักษณ์อักษรแล้ว

6.2.2 สมาชิกสมทบประเภท ข. ได้แก่ นิติบุคคล ห้างร้าน หรือบุคคลทั่วไปที่สนใจสมัครเป็นสมาชิกสมาคม

6.3 สมาชิกกิตติมศักดิ์ ได้แก่ ผู้มีเกียรติ หรือทรงคุณวุฒิ หรือผู้มีอุปการะคุณ ซึ่งคณะกรรมการของ สมาคมเห็นสมควรเชิญให้เข้าสมาชิก

*** บทเฉพาะกาล ข้อ 6.1.2 สมาชิกสามัญประเภท ข (เดิม) หากมีความประสงค์ที่จะเป็นสมาชิกสามัญประเภท ก. (ใหม่) ก็สามารถกระทำได้โดยการยื่นความจำนงต่อสมาคมโดยตรง ได้โดยไม่ต้องชำระค่าสมัครใหม่ ทั้งนี้จะต้องมีคุณสมบัติการเป็นสมาชิกสามัญประเภท ข. (เดิม) อยู่แล้ว หลังประกาศใช้ระเบียบใหม่อย่างเป็นทางการ (โดยยื่นต่อนายทะเบียนสมาคม) ด้วยตนเอง

หมวดที่ 3 การสมัครเข้าเป็นสมาชิก

ข้อ 7. การสมัครเข้าเป็นสมาชิกให้ดำเนินการดังนี้

7.1 ผู้สมัครเข้าเป็นสมาชิกสามัญประเภท ก. ให้ยื่นใบสมัครตามแบบของสมาคมต่อนายทะเบียนพร้อมทั้งชำระค่าสมัครและค่าบำรุงสมาคม และผ่านการรับรองจากคณะกรรมการสมาคม จึงถือว่าผู้นั้นเป็นสมาชิกของสมาคม

7.2 ผู้สมัครเข้าเป็นสมาชิกสามัญประเภท ข. ให้ยื่นใบสมัครตามแบบของสมาคมศิษย์เก่าเมื่อเข้ารับการ มอบตัวเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัย

7.3 ผู้สมัครเข้าเป็นสมาชิกสมทบประเภท ก. ให้ยื่นใบสมัครตามแบบของสมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัย ระดับภูมิภาค ระดับคณะหรือเทียบเท่าคณะที่ตนสังกัดอยู่

7.4 ผู้สมัครเข้าเป็นสมาชิกสมทบประเภท ข. ให้ยื่นใบสมัครตามแบบของสมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัย ต่อนายทะเบียนพร้อมชำระค่าสมัครจึงจะถือว่าผู้นั้นเป็นสมาชิกของสมาคมฯ

7.5 สมาชิกกิตติมศักดิ์ให้คณะกรรมการเป็นผู้เสนอชื่อในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารของสมาคม ให้เชิญสมาชิกกิตติมศักดิ์ เมื่อได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการบริหารด้วยมติอย่างน้อย 2 ใน 3 ของกรรมการที่เข้าประชุม

หมวดที่ 4 อัตราค่าสมัครและค่าบำรุง

ข้อ 8 การเป็นสมาชิกและสมาชิกสมทบจะต้องเสียค่าสมัครและค่าบำรุงสมาคม ดังนี้

8.1 สมาชิกสามัญประเภท ก. เสียค่าสมัครชำระครั้งเดียวตลอดชีพ 1,000 บาท

8.2 สมาชิกสามัญประเภท ข. เสียค่าสมัครครั้งเดียวตลอดชีพ 500 บาท

8.3 สมาชิกสมทบประเภท ก.ไม่ต้องชำระค่าสมัครและค่าบำรุงให้กับสมาคม

8.4 สมาชิกสมทบประเภท ข. เสียค่าสมัครและค่าบำรุงสมาคมชำระครั้งเดียวตลอดชีพ 1,000 บาท

8.5 สมาชิกกิตติมศักดิ์ ได้รับการยกเว้นค่าสมัครและค่าบำรุงสมาคม เงินค่าสมัครเป็นสมาชิกแรกเข้าก็ดี เงินค่าบำรุงสมาคมก็ดี เมื่อได้ชำระแก่สมาคมแล้วไม่อาจเรียกคืนได้ไม่ว่ากรณีใด ๆ

หมวดที่ 5 สิทธิของสมาชิก

ข้อ 9 สมาชิกของสมาคมฯ มีสิทธิดังต่อไปนี้

9.1 สมาชิกสามัญประเภท ก. เท่านั้นที่มีสิทธิในการออกเสียงเลือกตั้งคณะกรรมการบริหาร เพื่อดำเนินการบริหารสมาคมฯ ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์

9.2 สมาชิกทุกประเภทตามหมวด 2 ข้อ 5 มีสิทธิในการใช้ประโยชน์ในสถานที่ของสมาคม และรับผลปฏิบัติโดยเสมอกัน แต่ต้องปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับของกิจการนั้นที่กำหนดไว้

9.3 สมาชิกทุกประเภทตามหมวด 2 ข้อ 5 มีสิทธิในการประดับเข็ม เครื่องหมายของสมาคมระหว่างที่เป็นสมาชิกอยู่

9.4 สมาชิกสามัญประเภท ก. เท่านั้น มีสิทธิในการเสนอข้อคิดเห็น ไต่ถาม หรือขอดูหลักฐานบัญชีต่าง ๆ ของสมาคมฯ ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของสมาคมฯ

9.5 สมาชิกสามัญประเภท ก. เท่านั้น มีสิทธิเข้าร่วมประชุมในที่ประชุมใหญ่ หรือการประชุมประจำปี สมาชิกสามัญประเภท ก. เท่านั้นที่มีการออกเสียงลงคะแนน 1 เสียง

9.6 สมาชิกสามัญประเภท ก. เท่านั้น ที่มีสิทธิเป็นกรรมการบริหารในตำแหน่งที่ตราไว้ในข้อบังคับเมื่อได้รับ เลือกในที่ประชุม

หมวดที่ 6 หน้าที่ของสมาชิก

ข้อ 10 สมาชิกมีหน้าที่ดังต่อไปนี้

10.1 เคารพและปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับและวัตถุประสงค์ของสมาคมฯ

10.2 ชำระค่าบำรุงให้แก่สมาคมตามข้อ8 แห่งข้อบังคับ

10.3 ปฏิบัติตามมารยาทของสมาคมฯ เพื่อให้เป็นที่นับถือแก่สมาชิกด้วยกันและบุคคลทั่วไป

10.4 สนับสนุนการบำเพ็ญกรณียกิจให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ของสมาคมฯ

10.5 แจ้งให้สมาคมทราบเป็นลายลักษณ์อักษร หากมีการย้ายที่อยู่ เปลี่ยนชื่อหรือนามสกุล เพื่อแก้ทะเบียนภายในกำหนด 2 เดือน นับจากวันย้ายหรือเปลี่ยนแปลง

หมวดที่ 7 สมาชิกภาพ

ข้อ 11 การพ้นสมาชิกภาพอาจมีได้ดังต่อไปนี้

11.1 ตาย

11.2 ลาออก

11.3 ขาดคุณสมบัติการเป็นสมาชิก

11.4 ถูกศาลสั่งให้เป็นผู้ไร้ความสามารถ หรือเป็นผู้เสมือนไร้ความสามารถ

11.5 ประพฤติตนอันอาจนำความเสียหายแก่ชื่อเสียง หรือกิจกรรมของสมาคมอย่างร้ายแรง คณะกรรมการบริหารอาจลงมติโดยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของจำนวนกรรมการทั้งหมดให้ขาดสมาชิกภาพ

ข้อ 12 การลาออกจากสมาชิกภาพ

เมื่อสมาชิกผู้ใดประสงค์ลาออก ให้แจ้งความจำนงเป็นลายลักษณ์อักษรต่อเลขานุการสมาคม เมื่อเลขานุการสมาคมได้รับหนังสือลาออกจากสมาชิกแล้วให้ถือว่าการลาออกนั้นมีผลโดยสมบูรณ์

หมวดที่ 8 การดำเนินกิจการสมาคม

ข้อที่ 13 คณะกรรมการบริหารสมาคม ให้มีกรรมการบริหารสมาคมคณะหนึ่งมีอำนาจหน้าที่บริหารงานของสมาคมให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของสมาคม “คณะกรรมการบริหาร” ประกอบด้วยกรรมการอย่างน้อย 15 คนแต่ไม่เกิน 21 คน และมีตำแหน่งดังนี้

นายกสมาคม 1 นาย

อุปนายกสมาคม 2 นาย

เลขานุการ 1 นาย

ผู้ช่วยเลขานุการ 1 นาย

เหรัญญิก 1 นาย

นายทะเบียน 1 นาย

ปฏิคม 1 นาย

กิจกรรมพิเศษ 1 นาย

กรรมการไม่เกิน 12 นาย

คณะกรรมการบริหารดังกล่าว ได้มาจาก 3 ทางด้วยกัน คือ

(1) เป็นกรรมการเลือกตั้งจากที่ประชุมใหญ่โดยวิธีออกเสียงลงคะแนน จำนวน 7 คน โดยถือตามคะแนนเสียงเรียงลำดับจากมากไปหาน้อยจนครบ 7 คน หากลำดับสุดท้ายมีผู้ลงคะแนนเสียงเท่ากันให้ใช้วิธีจับฉลากออก โดยประธานดำเนินการเลือกตั้ง

(2) แต่งตั้งโดยนายก ให้เลือกจากสมาชิกสามัญประเภท ก จำนวนไม่เกิน 7 คน

(3) แต่งตั้งโดยกรรมการตามข้อ (1) ให้เลือกจากสมาชิกสามัญประเภท ก จำนวนไม่เกิน 7 คน เมื่อรวมกันแล้ว ต้องไม่เกิน 21 คน การคัดเลือกนายกสมาคม ให้กรรมการที่ได้จากการเลือกตั้งในที่ประชุมจำนวน 7 คน ดำเนินการประชุมหารือ เลือกกันเองเป็นนายกสมาคม 1 คน จากนั้นให้นายกสมาคมคัดเลือกกรรมการ โดยเลือกจากสมาชิกสามัญประเภท ก เพิ่มเติมได้อีกไม่เกิน 7 คน และให้กรรมการตามข้อ (1) เลือกจากสมาชิกสามัญประเภท ก จำนวนไม่เกิน 7 คน รวมเป็นคณะกรรมการไม่เกิน 21 คน แล้วจัดสรรตำแหน่งกันเองตามเหมาะสม

กรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งเข้ามานี้จะมีอายุเท่ากับนายกสมาคมในชุดที่ตนได้รับการแต่งตั้งเข้ามาหากนายกสมาคมพ้นจากตำแหน่งด้วยเหตุใดก็ตาม กรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งเข้ามาจะต้องพ้นตำแหน่งตามนายกสมาคมด้วย

ข้อ 14 ให้คณะกรรมการบริหารนี้ อยู่ในตำแหน่งคราวละ 2 ปี นับจากวันที่มีการประชุมใหญ่เลือกตั้ง ในการกรณีที่ตำแหน่งนายกสมาคมว่างลงด้วยเหตุผลใดก็ตามแต่ยังคงสถานภาพเป็นกรรมการบริหาร ให้คณะกรรมการบริหารที่ได้จากข้อ 13 (1) และ (2) เลือกตั้งคนใดคนหนึ่งกันเองเป็นนายกสมาคมแทนและนายกสมาคมคนใหม่นี้จะมีวาระเท่ากับเวลาที่เหลือ ในกรณีที่ตำแหน่งกรรมการที่มาจากการเลือกตั้งในที่ประชุมใหญ่ว่างลงจะด้วยเหตุใดก็ตามให้เลื่อนลำดับผู้ที่ได้รับเลือกคะแนนถัดลงไปจากการเลือกตั้งคราวก่อนขึ้นมาแทน หากมีคะแนนเสียงเท่ากันให้ใช้วิธีจับฉลากออก หากไม่มีผู้ใดอยู่ในฐานะสำรอง ดังกล่าว ให้กรรมการที่ได้จากข้อ 13(1) และ (2) ทำการแต่งตั้งสมาชิกสามัญ ประเภท ก. ท่านใดท่านหนึ่งดำรงตำแหน่งแทน หากตำแหน่งที่ว่างลงนายกสมาคมให้ดำเนินการเลือกตั้งนายกสมาคมใหม่เช่นเดียวกับวรรคก่อนโดยอนุโลมในกรณีที่คณะกรรมการพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ให้ดำเนินการเลือกตั้งใหม่ภายใน 60 วัน วาระคณะกรรมการชุดใหม่นี้ให้เป็น ดังนี้

(1) กรณีวาระของคณะกรรมการชุดเดิมยังเหลือเกินกว่า 365 วัน นับถึงวันเลือกตั้งใหม่ให้วาระของคณะกรรมการชุดใหม่มีเพียงเท่าระยะเวลาที่เหลือของคณะกรรมการชุดเดิมและให้นับเป็นการดำรงตำแหน่งครบ 1 วาระ

(2) กรณีที่วาระของคณะกรรมการชุดเดิมยังเหลือไม่เกินกว่า 365 วัน นับถึงวันเลือกตั้งใหม่ให้วาระของคณะกรรมการชุดใหม่มีเท่ากับเท่าระยะเวลาที่เหลือของคณะกรรมการชุดเดิมบวกกับวาระใหม่อีก 2 ปี และให้นับการดำรงตำแหน่งได้ไม่เกิน 2 วาระติดต่อกัน

ข้อ 15 คณะกรรมการบริหารมีสิทธิแต่งตั้งสมาชิกสามัญของสมาคมฯ เป็นอนุกรรมการช่วยดำเนินงานของสมาคมได้ตามควรแก่กิจการเป็นคราว ๆ ไป

ข้อ 16 คณะกรรมการบริหารมีสิทธิที่จะเชิญบุคคลที่ทรงคุณวุฒิมาเป็นที่ปรึกษาของสมาคมได้

ข้อ 17 คณะกรรมการบริหารมีหน้าที่จัดบริหารกิจการต่าง ๆ เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของสมาคมฯ ภายใต้ความเห็นชอบของที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร โดยมีเสียง 2 ใน 3 ของคณะกรรมการบริหาร

ข้อ 18 คณะกรรมการบริหารมีอำนาจแต่งตั้งกรรมการอย่างน้อย 2 คน เป็นผู้แทนที่มีอำนาจเต็มไปทำกิจการใดๆ ในนามของสมาคมฯ ได้ แต่ทั้งนี้ต้องได้รับความเห็นชอบจากกรรมการโดยเอกฉันท์

หมวดที่ 9 การขาดจากตำแหน่งของกรรมการบริหาร

ข้อ 19 กรรมการบริหารย่อมพ้นจากตำแหน่งโดยเหตุอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้

19.1 ตาย

19.2 ลาออก

19.3 ขาดจากสมาชิกภาพ

19.4 ออกตามวาระ

19.5 ขาดการประชุมติดต่อกัน 3 ครั้ง โดยไม่ส่งผู้แทนเข้าประชุมแทน

19.6 ที่ประชุมใหญ่มีมติให้ออก

19.7 เมื่อกรรมการที่มาจากข้อ 13 (1) (2) และ (3) นับรวมกันหากลาออกเกินสองในสามของจำนวนกรรมการ ที่นับรวมกัน ให้คณะกรรมการบริหารพ้นตำแหน่งทั้งคณะและจัดให้มีการเลือกตั้ง คณะกรรมการบริหารใหม่ ตามนัยข้อ 13 และข้อ 14 ภายใน 60 วัน

19.8 ต้องไม่ทำธุรกิจหรือธุรกรรมใดๆ เป็นส่วนตัวหรือเป็นนิติบุคคลที่ตนเองมีรายชื่อเป็นกรรมการ นิติบุคคล ที่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องกับการค้าขายกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ เช่น การซื้อขายหรือให้บริการว่าจ้างซ่อมบำรุงสื่อการเรียนการสอน อุปกรณ์ต่างๆ สำหรับช่วยการเรียนการสอน ทุกชนิดกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ และหากเคยมีประวัติหรือมีประวัติการกระทำดังกล่าวจะถือว่าพ้นจากตำแหน่งกรรมการบริหารทันที

ข้อ 20 ที่ประชุมใหญ่จะลงมติถอดถอนกรรมการบริหารทั้งคณะหรือบางคนได้ โดยคะแนนเสียง 2 ใน 3 ของสมาชิกที่ประชุม ในกรณีที่ดำเนินกิจการของสมาคมฯ นอกเหนือไปจากวัตถุประสงค์และข้อบังคับของสมาคมฯ ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง

หมวดที่ 10 หน้าที่ของกรรมการบริหาร

ข้อ 21 หน้าที่ของกรรมการบริหารแต่ละตำแหน่งของกรรมการบริหารมีดังนี้

21.1 นายกสมาคม มีหน้าที่ควบคุมกิจการทั่วไปของสมาคมฯ เป็นประธานในการประชุมใหญ่ และการประชุมของกรรมการบริหารเป็นผู้มีสิทธิออกเสียงชี้ขาด เมื่อคะแนนเสียงในที่ประชุมเท่ากันและเป็นผู้แทนของสมาคมฯ ในการติดต่อกับรัฐบาล องค์การต่าง ๆ และบุคคลทั่วไป

21.2 อุปนายก มีหน้าที่ปฏิบัติการแทนนายกสมาคมในกิจการทั่วไป ในขณะที่นายกสมาคมไม่อยู่หรือไม่ อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ หรือรับมอบหมายหน้าที่จากนายกสมาคมฯให้ปฏิบัติหน้าที่แทน

21.3 เลขานุการ มีหน้าที่ติดต่อกับสมาชิกและบุคคลอื่นใดในกิจการทั่วไป รักษาข้อระเบียบบังคับของสมาคมฯ นัดและจัดประชุม เป็นผู้จัดทำรายงานเสนอรายงานโต้ตอบจดหมายอันเกี่ยวกับกิจการของสมาคมฯ ทุกอย่างตามมติที่ประชุมของคณะกรรมการ

21.4 เหรัญญิก มีหน้าที่รับผิดชอบทางการเงินและทรัพย์สินของสมาคมฯ ทุกอย่างรับผิดชอบทวงถามเงินบำรุงสมาคมฯ จัดทำงบดุลและงบแสดงการเงินประจำปีให้ผู้ตรวจบัญชีและรับรอง เพื่อนำเสนอที่ประชุมใหญ่เพื่อรับรอง

21.5 นายทะเบียน มีหน้าที่รักษาทะเบียนสมาชิก และร่วมงานกับเลขานุการ ในเรื่องที่เกี่ยวกับสมาชิกในกรณีอื่น ๆ

21.6 ปฏิคม มีหน้าที่ติดต่อต้อนรับทั่วไป และเป็นผู้จัดหาสถานที่สำหรับกิจกรรมและสำหรับการประชุมทุกคราว จัดการต้อนรับผู้มาประชุมให้สำเร็จลงด้วยความเรียบร้อย

21.7 กิจกรรมพิเศษ มีหน้าที่จัดการดำเนินการเกี่ยวกับโครงงานพิเศษต่าง ๆ ตลอดจนการหารายได้ให้กับสมาคมฯ

หมวดที่ 11 การประชุมคณะกรรมการบริหาร

ข้อ 22 คณะกรรมการบริหารจะต้องประชุมกันอย่างน้อย 1 เดือนครั้ง โดยจัดให้มีขึ้นไม่เกินสัปดาห์ที่ 2 ของ ทุก ๆ เดือน ทั้งเพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับการบริหารกิจกรรมของสมาคมฯ การประชุมคณะกรรมการ จะต้องมีกรรมการเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของกรรมการทั้งหมดจึงจะถือว่าครบองค์ประชุม มติคณะกรรมการ ถ้าข้อบังคับมิได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่นก็ให้ถือคะแนนเสียงมากที่เกณฑ์ แต่ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันก็ให้ประธานในการประชุมเป็นผู้ชี้ขาด

ข้อ 23 ในกรณีที่กรรมการบริหารสมาคมศิษย์เก่าฯ ท่านใด ๆ ไม่สามารถเข้าร่วมประชุมได้ อาจจะมอบอำนาจให้สมาชิกสามัญ ประเภท ก. ท่านใดท่านหนึ่งเข้าประชุมแทนได้ โดยเป็นลายลักษณ์อักษร และยื่นแสดงต่อเลขานุการ โดยการมอบอำนาจนี้มี สิทธิแสดงความคิดเห็นต่อที่ประชุมได้ตลอดจนมีสิทธิออกเสียงลงคะแนนได้

ข้อ 24 ในการประชุมใหญ่ก็ดี หรือในการประชุมกรรมการก็ดี ถ้าข้อบังคับนี้มิได้กำหนดเป็นอย่างอื่น ให้ใช้เสียง ข้างมากเป็นมติของที่ประชุม

หมวดที่ 12 การประชุมใหญ่

ข้อ 25 การประชุมใหญ่สามัญประจำปี ต้องจัดให้มีขึ้นปีละ 1 ครั้ง ภายในเดือนเมษายน การประชุมใหญ่สมัยวิสามัญสามารถกระทำได้โดยมติ 2/3 ของคณะกรรมการสมาคมทั้งหมด หรือมีสมาชิกสามัญประเภท ก.จำนวนไม่น้อยกว่า 25 คน ลงลายมือชื่อร้องขอผ่านคณะกรรมการบริหารและเลขานุการต้องดำเนินการเรียกประชุมเช่นเดียวกันกับการประชุมใหญ่สามัญ

ข้อ 26 การประชุมใหญ่สามัญประจำปี เลขานุการสมาคมต้องให้สมาชิกทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 15 วัน ก่อนวันประชุม พร้อมทั้งเวลา สถานที่ และระเบียบวาระการประชุม

ข้อ 27 ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปี หรือการประชุมใหญ่วิสามัญ จะต้องมีสมาชิกสามัญประเภท ก. เข้าร่วมประชุม 1 ใน 4 ของสมาชิกทั้งหมด หรือไม่น้อยกว่า 50 คน จึงจะถือว่าครบองค์ประชุม แต่เมื่อถึงกำหนดเวลาประชุม ยังมีสมาชิกสามัญประเภท ก. เข้าร่วมประชุมไม่ครบองค์ประชุม ก็ให้เรียกประชุมอีกครั้งหนึ่งภายใน 14 วัน นับแต่วันที่นัดประชุมครั้งแรก สำหรับการประชุมในครั้งหลังนี้ ถ้ามีสมาชิกสามัญเข้าร่วมประชุมเป็นจำนวนเท่าใดก็ให้ถือว่าครบองค์ประชุม ยกเว้นถ้าเป็นการประชุมใหญ่วิสามัญที่เกิดขึ้นจากการร้องขอของสมาชิก ก็ไม่ต้องจัดประชุมใหญ่ ให้ถือว่าการประชุมเป็นอันยกเลิก

ข้อ 28 ในการประชุมใหญ่ ให้เลขานุการสมาคมบันทึกรายงานการประชุมไว้เป็นหลักฐานและให้ประธานในที่ประชุมลงนามรับรอง

ข้อ 29 กิจการที่พึงกระทำในที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปี มีดังนี้

29.1 คณะกรรมการบริหาร เสนอรายงานผลของกิจกรรมที่ได้กระทำมาในรอบปี

29.2 พิจารณารับรองงบดุลประจำปีของสมาคมฯ

29.3 เมื่อคณะกรรมการบริหารครบวาระการดำรงตำแหน่ง ให้มีการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ เพื่อรับหน้าที่แทนชุดเดิมที่ครบวาระนั้น

29.4 เลือกตั้งผู้ตรวจสอบบัญชี

29.5 ให้ถือเอาวันที่ 31 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันสิ้นสุดงวดปีการบัญชีของสมาคมกิจกรรม อื่นๆ ที่พึงมี

ข้อ 30 ผู้ตรวจสอบบัญชีของสมาคมฯ ต้องไม่เป็นกรรมการในคณะกรรมการในปีนั้น ๆ

หมวดที่ 13 การเงินของสมาคมฯ

ข้อ 31 เงินได้ของสมาคม ได้จาก

31.1 เงินค่าสมัครแรกเข้า เงินค่าบำรุงสมาคมฯ ประจำปี

31.2 เงินอุดหนุนทั่วไป

31.3 เงินจากการดำเนินกิจการของสมาคม

ข้อ 32 การเงินของสมาคมฯ ให้จัดทำบัญชีให้ครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด และให้เหรัญญิกมีอำนาจเก็บเงินสดไว้ได้ไม่เกิน 10,000 บาท (หนึ่งหมื่นบาทถ้วน) จำนวนเงินที่เกินกว่านั้นต้องนำฝากธนาคารในนามของสมาคมฯ

ข้อ 33 การจ่ายเงินของสมาคมฯ ทุกครั้งเมื่อเหรัญญิกตรวจสอบเป็นการถูกต้องแล้ว ให้นำเสนอนายกสมาคมฯ เพื่อพิจารณาสั่งอนุมัติก่อน เว้นแต่เป็นค่าใช้สอยประจำและไม่เกิน 5,000 บาท (ห้าพันบาท) เหรัญญิกจึงจะจ่ายไปก่อนได้ และนำเสนอนายกสมาคมฯ ให้ทราบใน กำหนด 30 วัน นับแต่วันจ่ายเงินเป็นต้นไป และการหักล้างบัญชีให้ใช้ใบเสร็จรับเงินหักล้าง

ข้อ 34 การจ่ายเงินของสมาคมฯ คราวละเกิน 10,000 บาท (หนึ่งหมื่นบาทถ้วน) ต้องได้รับอนุมัติจาก คณะกรรมการบริหารก่อน

ข้อ 35 การจ่ายเงินของสมาคมฯ ทุกครั้งยกเว้นข้อ 32,33 ต้องจ่ายเป็นเช็คระบุชื่อผู้รับ

ข้อ 36 การเซ็นเช็คให้นายกสมาคม หรืออุปนายก เซ็นร่วมกันกับเหรัญญิก หรือเลขานุการเซ็นชื่อร่วมกันอย่างน้อย 2 ใน 5 คน

ข้อ 37 การโอนหรือการจำหน่ายทรัพย์สินของสมาคมฯนอกจากเงินสดนั้น จะกระทำได้โดยมติของที่ประชุมใหญ่เท่านั้น

หมวดที่ 14 การแก้ไขข้อบังคับและการเลิกสมาคม

ข้อ 38 ข้อบังคับนี้จะแก้ไขเพิ่มเติมได้โดยมติ 2 ใน 3 ของที่ประชุมใหญ่โดยเสนอผ่านคณะกรรมการบริหาร

ข้อ 39 เมื่อสมาคมฯ ต้องเลิกไม่ว่าเหตุใดๆ ก็ตาม ทรัพย์สินของสมาคมฯที่เหลืออยู่หลังจากที่ได้ชำระบัญชีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ให้ตกเป็นของมหาวิทยาลัยเพื่อใช้ในกิจการบำรุงมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ

ข้อ 40 การตีความในข้อบังคับของสมาคมฯ นี้ กรณีหากเป็นที่สงสัยให้คณะกรรมการบริหารเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาด โดยมติ 2 ใน 3 ของคณะกรรมการบริหารทั้งหมด

ข้อ 41 ผลสมบูรณ์ของข้อบังคับ ข้อบังคับนี้จะสมบูรณ์ตั้งแต่วันที่ได้รับอนุญาตจดทะเบียน โดยถูกต้องตามกฎหมายแล้ว