
“โรงพยาบาลจากฟากฟ้า……….. เทพรัตน์เวชชานุกูลฯ” หากเอ่ยนามถึงอำเภอแม่แจ่มจังหวัดเชียงใหม่แล้ว หลายๆ ท่านอาจจะตั้งข้อสงสัยว่า อำเภอนี้อยู่ที่ไหน มีความเป็นอยู่อย่างไร ผมได้มีโอกาสเดินทางด้วยตนเองหลายๆ ครั้ง การเดินทางโดย รถยนต์เส้นทางมีความลดเลี้ยว เคี้ยวคดมาก เส้นทางต้องวิ่งขึ้นลงเขาเป็นระยะๆ ใช้เวลาเดินทางจาก ตัวเมืองเชียงใหม่ ถึงอาเภอแม่แจ่ม ประมาณ 3 ชั่วโมงเศษ โดยเมื่อปี พ.ศ.2558 ถึง พ.ศ. 2559 ที่ผ่านมา ท่านอินทร์จันทร์ บุราพันธ์ รองราชเลขาธิการ สานักราชเลขาธิการ ได้ชวนผมขึ้นไปดูระบบบาบัดน้าเสียของโรงพยาบาลเทพรัตนเวชชานุกูลฯ ว่าสามารถนาน้ำเสียที่บำบัดแล้วมาใช้ใหม่ได้หรือไม่ ตามหลักวิศวกรรม ในคราวนั้นผมจำได้ว่าผมได้มีโอกาสและได้รับเกียรติอย่างสูงยิ่งในการเข้าร่วมประชุมกับท่าน นายแพทย์เกษม วัฒนชัย พลอากาศเอกชลิต พุกผาสุข ท่านองคมนตรีทั้งสอง และท่านสำเริง เอี่ยมสะอาด รองราชเลขานุการในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อประชุมนโยบายของโรงพยาบาลหลายๆ เรื่อง รวมทั้งการนาน้าเสียกลับมาใช้ใหม่จากระบบบาบัดน้าเสีย เพื่อให้โรงพยาบาลแห่งนี้เป็นโรงพยาบาลสีเขียว (Green Hospital) ตามพระราชดาริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และเนื่องจากพื้นที่ตั้งของโรงพยาบาลอยู่ในพื้นที่บนเขาสูง การใช้น้ำเพื่ออุปโภคบริโภคให้คุ้มค่า จึงเป็นเรื่องที่สาคัญมาก ดังนั้น น้ำเสียจึงควรนากลับมาใช้ใหม่เพื่อการเกษตร เพื่อการใช้รดต้นไม้เพื่อการปรับภูมิทัศน์ ให้เป็นสีเขียวและมีความสวยงาม โดยการดำเนินโครงการดังกล่าว ได้ดำเนินการในนามสมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ในพระบรมราชูปถัมภ์ และได้ส่งมอบโครงการใช้งานไปแล้วเมื่อต้นปี 2559 ย้อนเวลากลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2529 โรงพยาบาลแม่แจ่ม เดิมนั้นตั้งอยู่บนที่ดินมีพื้นที่ 4 ไร่เศษ เป็นโรงพยาบาลขนาด 30 เตียง มีพื้นที่ห่างจากถนนสายหลักประมาณ 200 เมตร และมีเตียงไม่เพียงพอต่อการให้บริการผู้ป่วย ผู้ป่วยจำนวนหนึ่งต้องนอนตามระเบียงบ้าง ทางเดินบ้าง ทางลาดขึ้นบันไดบ้าง ตลอดจนห้องพิเศษต้องรื้อเอาเตียงออกและให้ผู้ป่วยเข้าไปนอนรวมกันประมาณ 3-4 คน และความเดือดร้อนนี้ได้ล่วงทราบถึงพระเนตรพระกรรณ โดยเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2554 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จที่โรงเรียนตารวจตระเวนชายแดนบ้านแม่ลอง และบ้านใหม่พัฒนาสันติ ณ อาเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ในเวลานั้นผู้อานวยการโรงพยาบาลแม่แจ่ม ได้เข้าเฝ้าและถวายรายงานเกี่ยวกับผู้ป่วยในพระราชานุเคราะห์ของพระองค์ฯ พร้อมถวายรายงานเกี่ยวกับการให้บริการของโรงพยาบาลแม่แจ่มให้ทรงทราบว่า ในปัจจุบันมีผู้ป่วยเพิ่มเป็นจานวนมาก ซึ่งอำเภอแม่แจ่ม มีจานวนประชากรทั้งหมดประมาณกว่า 62,000 คน และมีชาวเขา ซึ่งจะประกอบไปด้วยชนเผ่ากะเหรี่ยง ม้ง ล้ง และคนพื้นเมืองมากกว่าร้อยละ 70 อีกทั้งยังให้บริการผู้ป่วยที่อยู่อำเภอใกล้เคียง เช่น อาเภออมก๋อย ซึ่งมีประชากร 6 หมื่นคนเศษ และประชากรส่วนใหญ่ร้อยละ 80 เป็นชาวไทยภูเขาที่มีฐานะยากจน และอีกทั้งประชาชนบางส่วนได้เดินทางมารักษาจากอำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ ในส่วนของเขตจังหวัดแม่ฮ่องสอน ก็จะมีผู้ป่วยที่เดินทางมารักษาจากอำเภอขุนยวม เป็นต้น หลังจากได้รับการถวายรายงาน ปัญหาการบริหารจัดการโรงพยาบาลแม่แจ่ม ด้วยสายพระเนตรที่กว้างไกล พระองค์ได้ทรงโปรดเกล้าฯ ให้นายสาเริง เอี่ยมสะอาด รองราชเลขานุการในพระองค์ฯ พร้อมคณะ เดินทางมาตรวจเยี่ยมการให้บริการ ของโรงพยาบาลแม่แจ่ม และลงตรวจพื้นที่ในการก่อสร้างโรงพยาบาลแม่แจ่มแห่งใหม่ที่มีพื้นที่ห่างจากเดิมประมาณ 1 กิโลเมตร ซึ่งมีเนื้อที่ประมาณ 90 ไร่ โดยได้มีการแผ้วถางของชาวบ้านกว่า 2,000 คน ในอำเภอแม่แจ่ม ไว้แล้ว เมื่อชาวบ้านได้รับทราบข่าวดีว่า จะมีการก่อสร้างโรงพยาบาลแม่แจ่มแห่งใหม่ และต่อมาเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2556 พระองค์ได้ทรงเจิมศิลาฤกษ์ ณ อาคารชัยพัฒนา สวนจิตรลดา และทรงโปรดเกล้าฯ ให้นายสาเริง เอี่ยมสะอาด เป็นประธาน ในพิธีวางศิลาฤกษ์อาคารพระราชทานผู้ป่วยในที่พระองค์ทรงพระราชทานทุนทรัพย์ส่วนพระองค์ในการก่อสร้าง จานวน 2 หลัง รวม 99 เตียง ณ สถานที่สร้างโรงพยาบาลแม่แจ่มแห่งใหม่ เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2556 ถึงแม้ว่าพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่านจะมากมายเพียงใดก็ตาม พระองค์ก็ทรงได้สละเวลาทรงเสด็จพระราชดาเนินทอดพระเนตรการก่อสร้างอาคารผู้ป่วยในพระราชทาน ณ โรงพยาบาลแม่แจ่มแห่งใหม่ด้วยพระองค์เองเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2557 และแล้ววันแห่งการรอคอยของชาวประชาที่อาเภอแม่แจ่มและอาเภอใกล้เคียง ก็มาถึง โดยเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2558 เวลา 08.30 น. พระองค์ท่านได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีเปิดแพรคลุมป้ายชื่อโรงพยาบาลแม่แจ่มแห่งใหม่ที่ได้พระราชทานชื่อใหม่ว่า “โรงพยาบาลเทพรัตนเวชชานุกูล เฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา” ยังความปลาบปลื้ม และสานึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นของพสกนิกรชาวจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียง และต่อมาพระองค์ยังทรงโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้ง “มูลนิธิเทพรัตนเวชชานุกูล” ขึ้นโดยพระองค์ทรงเป็นองค์พระประธานมูลนิธิด้วยพระองค์เอง ซึ่งกระทรวงมหาดไทย ได้รับจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิเป็นเลขทะเบียนลาดับที่ กท 2556 เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2558 และต่อมากระทรวงการคลัง ได้ประกาศเป็นองค์กรสาธารณกุศล เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2558 การที่พระองค์มีพระราชดาริให้จดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิดังกล่าวก็เพื่อสนับสนุนให้โรงพยาบาลแห่งนี้ดาเนินงานที่มีศักยภาพเพียงพอในการดูแลประชาชนของพระองค์ในเขตทุรกันดาร ซึ่งอาเภอแม่แจ่มมีภูมิประเทศ ตั้งอยู่บนพื้นที่สูงและมีความเป็นป่าไม้ประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ทั้งหมด และส่วนหนึ่งก็มีพื้นที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ด้วย เช้าวันหนึ่งเมื่อต้นปี 2559 ขณะผมเดินทางกลับจากอาเภอแม่แจ่ม เข้าสู่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ หลังจากเสร็จภารกิจในการก่อสร้างระบบนาน้าเสียที่บาบัดแล้วกลับมาใช้ใหม่ ให้กับโรงพยาบาลเทพรัตนเวชชานุกูลฯ เพื่อให้เป็นไปตามพระราชดำริพระองค์ท่านที่จะให้โรงพยาบาลแห่งนี้เป็น “โรงพยาบาลสีเขียว” ต้นแบบ เส้นทางที่กลับเข้าตัวเมืองเชียงใหม่ มีความเลี้ยวลด คดชัน รถได้วิ่งไต่ภูเขาสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ผมเหลียวหลังหันมองกลับไปดูตัวโรงพยาบาลเทพรัตนเวชชานุกูลฯ ซึ่งภาพที่เห็นตอนนั้นมีหมอกในตอนเช้าปกคลุมหลังคาอาคารโรงพยาบาล และมองเห็นตัวอาคารพระราชทานหลังใหญ่สุดเป็นสีม่วงตัดด้วยสีขาว มองดูแล้วสวยงามยิ่งนัก ภาพที่เห็นในสายตาของผมในขณะนั้นราวกับว่าตัวอาคารพระราชทานของโรงพยาบาลตั้งอยู่บนสรวงสวรรค์ชั้นฟ้า ทำให้ผมได้ระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณฯ ของพระองค์ท่านที่ได้ทรงพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ ในการก่อสร้างอาคารพระราชทานฯ ครุภัณฑ์ต่างๆ เตียงผู้ป่วย อุปกรณ์การแพทย์ เช่น เครื่องให้สารละลายหลอดเลือดดำ เครื่องกายภาพบาบัด และเครื่องมือรักษาผู้ป่วยอีกเป็นจานวนมาก พระราชทานให้กับโรงพยาบาลแห่งนี้ อันเป็นน้าพระหฤทัยที่ทรงเปี่ยมพระเมตตาให้แก่พสกนิกรของพระองค์ฯ ในทุกๆ พื้นที่ถิ่นทุรกันดารของประเทศ ที่ยังมีความเป็นอยู่อย่างยากจน หากจะเปรียบ น้ำพระทัยที่มีพระเมตตาที่เปี่ยมล้นอย่างสูงยิ่ง จึงสามารถกล่าวเป็นคาพูดที่พระองค์ท่านมีน้าพระหฤทัย มุ่งมั่นที่จะให้พสกนิกรของพระองค์ท่านให้มีสุขภาพร่างกายที่ดารงอยู่โดยปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ซึ่งอาจจะเปรียบที่มาของการกาเนิดโรงพยาบาลแม่แจ่มในสถานที่แห่งใหม่นี้ว่า “โรงพยาบาลจากฟากฟ้า……. เทพรัตนเวชชานุกูลฯ” ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะฯ ข้าพระพุทธเจ้านายสุรพล ชามาตย์ และคณะกรรมการบริหาร สมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ในพระบรมราชูปถัมภ์ หมายเหตุ : ลงตีพิมพ์เผยแพร่ในหนังสือนิตยสารกุลสตรี ฉบับที่ 1104 ปีที่ 46 เมษายน 2560